5 Reversal pattern ที่ดีที่สุดพร้อมวิธีการอ่านกราฟการกลับตัวแบบง่าย

สำหรับเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์หลายท่านอาจคุ้นหูกับอินดิเคเตอร์หรือตัวชี้วัดกันมาบ้างแล้ว แต่วันนี้เราจะมานำเสนอ Reversal pattern หรือ รูปแบบกราฟการกลับตัวที่สามารถดูแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงได้ด้วยตาเปล่าโดยที่ไม่ต้องใช้ตัวบ่งชี้ใด ๆ
Reversal pattern คืออะไร
Reversal pattern หรือ รูปแบบกราฟการกลับตัว เป็นรูปแบบกราฟที่มักเกิดในช่วงต้นของเทรนด์ จะบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางจากตลาดขาขึ้นไปสู่ตลาดขาลงและในทางกลับกัน เราสามารถใช้รูปแบบนี้เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาที่จะเกิดขึ้นและสามารถเปิดหรือปิดตำแหน่งตามนั้นได้และการที่จะดูแนวโน้มได้นั้นจะต้องมีแนวโน้มก่อนหน้ามาก่อน
รูปแบบกราฟการกลับตัวมีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์และนักลงทุนทุกประเภท เช่น เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบถือสถานะอาจใช้รูปแบบนี้ในแผนภูมิรายวันหรือรายสัปดาห์เพื่อเปิดและรักษาตำแหน่งเป็นระยะเวลานาน ในขณะที่เทรดเดอร์รายวันสามารถใช้รูปแบบนี้ในแผนภูมิรายวัน (เช่น แผนภูมิ 5 นาที) เพื่อทำการซื้อขายระยะสั้นแบบเร็ว
แม้ว่า Reversal pattern จะไม่ใช่ตัวบ่งชี้เพราะเราสามารถสังเกตกราฟได้ด้วยตาเปล่า แต่ในขณะเดียวกันการเทรดคู่สกุลเงินหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ยังคงต้องการการวิเคราะห์จากเครื่องมืออื่น ๆ อย่างเช่นตัวชี้วัดหรือ Indicator เพื่อให้การคาดการณ์ของเรานั้นแม่นยำมากขึ้น คุณสามารถลองเข้าไปฝึกฝนด้วยเงินเสมือนจริงได้ที่ Mitrade ที่ให้บริการเครื่องมือตัวบ่งชี้ยอดนิยมสำหรับการเทรดได้แก่ MA, MACD, RSI และอีกมากมาย พร้อมสินทรัพย์ให้เลือกเทรดมากมาย
ความสำคัญของ Reversal pattern
Reversal pattern เป็นรูปแบบที่ทรงพลังเนื่องจากจะให้สัญญาณแนวโน้มที่แข็งแกร่งที่เป็นการวิเคราะห์ทางเทคนิคซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในแนวโน้มตลาดที่เกิดขึ้น โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงที่ยืดเยื้อ และบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในความรู้สึกของนักลงทุน รูปแบบเหล่านี้เกิดขึ้นจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างระดับราคา ปริมาณ และตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่นๆ
ตอนนี้ คุณอาจสงสัยว่าทำไมรูปแบบเหล่านี้จึงมีความสำคัญในการเทรดอย่างมาก คำตอบก็คือ เพราะรูปแบบนี้มีความสามารถในการให้ข้อบ่งชี้การกลับตัวของแนวโน้มในช่วงเริ่มต้น สำหรับเทรดเดอร์ที่จดจำรูปแบบเหล่านี้ในช่วงเริ่มต้น คุณจะได้เปรียบในตลาดและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างมาก
ข้อดีและข้อเสียของ reversal pattern
ข้อดีของ reversal pattern
ใช้งานง่าย: โดยพื้นฐานแล้ว วิธีนี้ไม่ต้องใช้เครื่องมือทางเทคนิคเพิ่มเติม เพราะ คุณเพียงแค่ต้องมีแผนภูมิเพื่อดูความผันผวนของราคาเท่านั้น
เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์: คุณสามารถใช้แผนภูมิเพื่อค้นหารูปแบบเฉพาะได้อย่างง่ายดาย
เหมาะสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน: รูปแบบเหล่านี้สามารถนำไปใช้กับสินทรัพย์และกรอบเวลาที่แตกต่างกันได้
มีความแม่นยำกว่าการใช้ตัวบ่งชี้: สัญญาณที่สร้างจากรูปแบบเหล่านี้ไม่สามารถสร้างใหม่หรือล่าช้าได้ เพราะเป็นการดูการเคลื่อนไหวของราคาโดยตรงมากกว่าสัญญาณที่ได้จากราคาโดยตัวบ่งชี้อื่น ๆ
ข้อเสียของ reversal pattern
การตีความที่แตกต่างกัน: เทรดเดอร์แต่ละคนสามารถเห็นรูปแบบที่แตกต่างกันบนแผนภูมิเดียวกัน ซึ่งหมายความว่าสัญญาณที่ได้รับนั้นได้รับการตีความแตกต่างกัน ซึ่งนำไปสู่การซื้อขายที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
กรอบเวลามีความสำคัญ: ความจริงก็คือรูปแบบที่แม่นยำและเกิดขึ้นอย่างถูกต้องมักจะปรากฏในกรอบเวลาที่ยาวกว่า เพราะ รูปแบบและสัญญาณนี้มักไม่ปรากฏในช่วงเวลาที่ยาวนานกว่าบ่อยนัก
ความแตกต่างระหว่าง Continuation Pattern vs Reversal Pattern
คู่ตรงข้ามของ Reversal Pattern ก็คือ Continuation Pattern ที่อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดได้ ด้วยการเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Continuation Pattern และ Reversal Pattern จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการใช้งานของ Reversal Pattern ได้ดียิ่งขึ้น
Continuation Pattern | Reversal Pattern |
เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มน่าจะดำเนินต่อไปในทิศทางเดียวกันหลังจากการรวมตัว | บ่งชี้ว่าแนวโน้มกำลังเกิดการกลับตัว |
ตัวอย่างของรูปแบบคือ ธง รูปสามเหลี่ยม และธง | รูปแบบการกลับด้านที่พบบ่อยได้แก่ head and shoulders, double bottom |
เมื่อเทรดเดอร์เห็นรูปแบบนี้จะต้องเปิดตำแหน่งตามทิศทางของแนวโน้ม | เทรดเดอร์จะต้องเปิดสถานะตามแนวโน้มราคาที่กำลังเกิดขึ้น |
5 Reversal pattern ที่ดีที่สุด
1.Double Top
เป็นรูปแบบการกลับตัวของแนวโน้มขาลงที่เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้นขยายออกไป โดยส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง
รูปแบบ Double Top ประกอบด้วยสองดในระดับราคาใกล้เคียงกัน โดยมีจุดต่ำสุดคั่นระหว่างจุดสูงสุด จุดต่ำสุดจุดแรกเกิดขึ้นเมื่อแนวโน้มขาขึ้นดำเนินต่อไป จากนั้นจึงย่อตัวลงจนเกิดจุดต่ำสุด ซึ่งบ่งชี้ถึงระดับแนวรับชั่วคราว จากนั้นราคาจะพยายามขึ้นไปอีกครั้ง โดยไปถึงระดับที่ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดจุดแรก แต่ไม่สามารถทะลุผ่านจุดนั้นได้ แสดงให้เห็นถึงความสนใจในการซื้อที่ลดลง เมื่อราคาไม่สามารถทะลุจุดสูงสุดจุดแรกได้ ราคาก็จะลดลงอีกครั้ง
รูปแบบ Double Top จะได้รับการยืนยันเมื่อราคาทะลุลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุด ซึ่งเรียกว่า "neckline" โดยทั่วไปแล้ว เทรดเดอร์จะวัดระยะห่างจากจุดสูงสุดไปยัง neckline เพื่อกำหนดเป้าหมายราคาสำหรับการเปิดสถานะขาย ยิ่งไปกว่านั้นรูปแบบ Double Top มีประโยชน์ในการระบุความอ่อนล้าในแนวโน้มขาขึ้นและคาดการณ์การกลับตัว ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวที่อาจเกิดแนวโน้มขาลงได้
2.Head and Shoulders
เป็นรูปแบบการกลับตัวของขาลงที่เชื่อถือได้และเป็นที่รู้จักมากที่สุดรูปแบบหนึ่งในการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยรูปแบบนี้จะเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น และประกอบด้วยจุดยอด 3 จุด ได้แก่ ไหล่ซ้าย ส่วนหัว และไหล่ขวา โดยแต่ละจุดจะมีร่อง (neckline) อยู่สูงกว่าจุดยอดอื่นๆ (ไหล่) แสดงถึงการกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นแนวโน้มขาลง
จุดไหล่ซ้ายจะเกิดขึ้นเมื่อราคาขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้วจึงลดลง จุดส่วนหัวจะเกิดขึ้นเมื่อราคาขึ้นไปถึงจุดสูงสุดที่สูงกว่าไหล่ซ้ายแล้วจึงลดลงอีกครั้ง จุดส่วนหัวจะเกิดขึ้นเมื่อราคาเพิ่มขึ้นอีกครั้งแต่ไปถึงจุดสูงสุดที่ต่ำกว่าหัว แล้วจึงลดลงอีกครั้ง
เราจะยืนยันการเข้าตำแหน่งจากรูปแบบนี้เมื่อราคาทะลุลงไปต่ำกว่า neckline ซึ่งเชื่อมร่องระหว่างไหล่และหัว การฝ่าแนวนี้บ่งชี้ถึงการกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้นไปสู่แนวโน้มขาลงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยราคาเป้าหมายมักจะวัดโดยการลบความสูงของหัวออกจาก neckline
ความน่าเชื่อถือและรูปแบบที่ชัดเจนของ Head and Shoulders ทำให้เป็นรูปแบบพื้นฐานสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการระบุและดำเนินการกับการกลับตัวของแนวโน้ม
3.Double Bottom
เป็นรูปแบบการกลับตัวเป็นขาขึ้นที่ปรากฏขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง ซึ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้นได้ โดยมีลักษณะเป็นร่องลึก 2 ร่องติดต่อกันที่ระดับราคาใกล้เคียงกัน โดยมีจุดสูงสุดคั่นระหว่างร่องลึกแรกเกิดขึ้นเมื่อราคาตกลงระหว่างแนวโน้มขาลง ตามด้วยการปรับตัวสูงขึ้นซึ่งสร้างระดับแนวต้านชั่วคราว จากนั้นราคาจะลดลงอีกครั้งและเกิดร่องลึกที่สองที่ระดับที่ใกล้เคียงกับร่องลึกแรก ซึ่งบ่งชี้ถึงโซนแนวรับที่แข็งแกร่ง หลังจากร่องลึกที่สอง ราคาจะพุ่งขึ้นอีกครั้ง และรูปแบบจะได้รับการยืนยันเมื่อทะลุผ่านจุดสูงสุดระหว่างร่องลึกทั้งสอง ซึ่งเรียกว่า neckline
การทะลุนี้ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงในความรู้สึกของตลาดจากขาลงเป็นขาขึ้น เทรดเดอร์มักจะวัดระยะห่างจากร่องลึกไปยัง neckline เพื่อกำหนดเป้าหมายราคาสำหรับตำแหน่งซื้อ รูปแบบ Double Bottom ช่วยให้ผู้ซื้อระบุพื้นที่ที่มีแนวรับที่แข็งแกร่งและจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นโอกาสในการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มขาขึ้นที่เกิดขึ้นได้
4.Ascending Triangle
เป็นรูปแบบขาขึ้นที่ต่อเนื่อง เกิดขึ้นระหว่างแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งบ่งบอกว่าราคามีแนวโน้มที่จะทะลุแนวรับขึ้นไปด้านบน รูปแบบนี้มีลักษณะเฉพาะคือเส้นแนวต้านแนวนอนที่เชื่อมระหว่างจุดสูงสุดและเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่เชื่อมระหว่างจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น
การเคลื่อนไหวของราคาภายในรูปสามเหลี่ยมจะแคบลงเมื่อเข้าใกล้จุดสูงสุด ซึ่งเป็นจุดที่เส้นแนวโน้มมาบรรจบกัน รูปแบบนี้บ่งบอกว่าผู้ซื้อกำลังได้รับความแข็งแกร่ง ทำให้ราคาพุ่งขึ้นไปสู่จุดต่ำสุดที่สูงขึ้น ในขณะที่ผู้ขายรักษาระดับแนวต้านที่สม่ำเสมอ
รูปสามเหลี่ยมขาขึ้นจะได้รับการยืนยันเมื่อราคาทะลุแนวต้านจากแนวนอน ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาขึ้นจะดำเนินต่อไป เทรดเดอร์มักจะวัดความสูงของรูปสามเหลี่ยมที่จุดที่กว้างที่สุดและคาดการณ์ระยะทางนี้จากจุดทะลุเพื่อกำหนดเป้าหมายราคา รูปแบบรูปสามเหลี่ยมขาขึ้นช่วยให้ผู้ซื้อระบุช่วงเวลาการรวมตัวภายในแนวโน้มขาขึ้น และคาดการณ์การดำเนินต่อไปของการเคลื่อนไหวขาขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสในการเข้าสู่ตำแหน่งซื้อได้
5.Descending Triangle
เป็นรูปแบบต่อเนื่องขาลงที่เกิดขึ้นระหว่างแนวโน้มขาลง ซึ่งบ่งชี้ว่าราคามีแนวโน้มที่จะทะลุแนวรับลงมาด้านล่าง รูปแบบนี้ประกอบด้วยเส้นแนวรับแนวนอนที่เชื่อมจุดต่ำ และเส้นแนวโน้มขาลงที่เชื่อมจุดสูงที่ต่ำลง
การเคลื่อนไหวของราคาภายในสามเหลี่ยมจะแคบลงเมื่อเข้าใกล้จุดบนสุดซึ่งเป็นจุดที่เส้นแนวโน้มมาบรรจบกัน รูปแบบนี้สะท้อนให้เห็นว่าผู้ขายกำลังได้รับความแข็งแกร่ง ทำให้ราคาทะลุแนวรับที่ต่ำลง ขณะที่ผู้ซื้อยังคงรักษาระดับแนวรับที่สม่ำเสมอ
เราจะยืนยันราคาจากรูปแบบ Descending Triangle เมื่อราคาทะลุแนวรับจากแนวนอนลงไปด้านล่างโดยมีปริมาณมาก ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป โดยทั่วไปแล้ว เทรดเดอร์จะวัดความสูงของสามเหลี่ยมที่จุดที่กว้างที่สุดและคาดการณ์ระยะทางนี้จากการทะลุแนวรับ จุดสำคัญในการตั้งราคาเป้าหมาย รูปแบบ Descending Triangle ช่วยให้เทรดเดอร์ระบุช่วงเวลาการรวมตัวภายในแนวโน้มขาลงและคาดการณ์การดำเนินต่อไปของการเคลื่อนไหวขาลง โดยให้โอกาสในการเข้าสู่ตำแหน่งขาย
สรุป Reversal pattern
Reversal pattern เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพซึ่งมีข้อดีหลายประการ เช่น ตรวจสอบง่ายและเข้าถึงได้ในทุกระดับ อีกทั้งยังสามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ก็ควรที่จะต้องระมัดระวังสัญญาณเท็จ การยืนยันที่ล่าช้า และความซับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน
โดยสรุปแล้ว Reversal pattern เป็นรูปแบบกราฟที่เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ที่พึ่งเริ่มต้นเทรดฟอเร็กซ์และยังไม่ถนัดการใช้อินดิเคเตอร์ในการระบุต่ำแหน่งเข้าซื้อมากนัก คุณสามารถนำ 5 อันดับ Reversal pattern ยอดนิยมและไปทดลองเทรดจริงได้ที่ Mitrade พร้อมรับเงินเสมือนจริงเพื่อการฝึกเทรดฟอเร็กซ์จากตลาดจริงได้เลยตอนนี้

บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
Reversal pattern คืออินดิเคเตอร์หรือไม่?
ไม่ใช่ reversal pattern คือ รูปแบบกราฟการกลับตัวที่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าที่มักเกิดในช่วงต้นของเทรนด์
รูปแบบกราฟการกลับตัวเหมาะกับเทรดเดอร์แบบไหน?
ไม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์รายวันหรือเทรดเดอร์ที่ถือตำแหน่งระยะยาวก็สามารถใช้รูปแบบกราฟนี้ในการวิเคราะห์การเทรดได้
หากใช้ Reversal pattern เพียงอย่างเดียวสามารถตัดสินใจเทรดได้เลยหรือไม่?
สำหรับการเทรดฟอเร็กซืโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้การวิเคราะห์จากอินดิเคเตอร์หรือตัวบ่งชี้สัญญาณอื่น ๆ เพื่อเพิ่มระดับความแม่นยำให้กับการเทรดได้
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน